webnovel

กักขัง Lock you

“มึงจำฟ้าได้ไหม” ภีมเบิกตากว้าง ชื่อนี้ทำเขาแทบสติหลุด พี่ฟ้า พี่ที่คณะ เขาเจอตอนมารับน้องครั้งแรก ภีมถูกใจพี่ฟ้ามาก จนวันที่รับน้องวันสุดท้ายเขากับเพื่อนวางแผนมอมเหล้าพี่ฟ้า และมีอะไรกันหลังจากนั้น เขาคิดว่ามันจะจบ แต่พี่ฟ้ากลับไม่จบ หลังจากนั้นไม่นาน เขาจึงได้รู้ข่าวว่าพี่ฟ้าฆ่าตัวตาย ภีมตกใจและเสียใจ การฆ่าตัวตายของพี่ฟ้า จึงเหมือนเป็นตราบาปมาให้เขาจนถึงทุกวันนี้ “มึงกล้ามากนะที่สวมเขาให้กู มึงกล้ามากที่ทำฟ้าตาย” ภีมตกใจที่ได้ยินเสือพูด เขาจับมือเสือที่จิกหัวเขาไว้แน่นเพราะความเจ็บปวด “มึง…กับพี่ฟ้า?!” “เอากับแฟนเขา แต่ไม่รู้จักผัวเขา ไอ้เลวระยำ” เสือจับหัวของภีมกระแทกไปกับกำแพงจนเลือดไหลลงมาข้างขมับ “โอ้ย! เหี้ยเอ้ย” ภีมทั้งเจ็บทั้งจุก เขาไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อไป ต้องขอโทษ ต้องปฏิเสธ หรืออะไร สมองตีรวนไปหมด “กูอยากจะรู้ว่ามึงเอามันแค่ไหน ทำไมฟ้าถึงได้ติดใจมึงนัก” “มึง…อย่านะ!” คำเตือน  นิยายเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องสมมุติ มีเนื้อหาและความรุนแรงไม่เหมาะสมกับเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน กรุณาอ่านเพื่อความบัันเทิงห้ามลอกเลียนแบบ ถ้าใครชอบ ช่วยอุดหนุนกันด้วยนะคะ คนเขียนจะพยายามปรับปรุงเลยเขียนให้ดีีที่สุดค่ะ ขอบคุณสำหรับการติดตาม และสนับสนุน

Saralyman27 · Urban
Not enough ratings
22 Chs

บทที่ 19 แผนการเกือบสุดท้าย

ตื้ดดด🎶

เสียงโทรศัพท์ของภีมที่วางชาร์ตไว้ดังขึ้น คนกึ่งหลับกึ่งตื่น งัวเงียลุกขึ้นมารับสายอย่างมึนงง

"ครับ"

"ภีม อีก 10 นาที เดี๋ยวกูจะให้คนขับรถไปรับ"

สายถูกตัดทันทีที่พูดจบประโยคโดยไม่ได้รอฟังความคิดเห็นจากผู้ที่รับสาย ภีมถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะเอนหลังพิงโซฟาแล้วหลับตาลงอีกครั้ง

ก๊อกๆๆ

เวลาผ่านไปไม่ถึง 10 นาที เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ภีมสะดุ้งตื่นจากภวังค์แล้วรีบเดินไปเปิดประตู

"คุณภีมรึเปล่าครับ"

"ครับ ใช่ครับ"

"ท่านประธานให้ผมมารับ…และนี้ ชุดสำหรับใส่ไปงานวันนี้ครับ"

"งาน? งานอะไรครับ"

"งานหมั้นและงานแต่งของท่านประธานครับ"

เหมือนถูกรถชนแบบไม่ทันตั้งตัว คนที่ยืนอยู่จึงเข่าแทบทรุดจนคนขับรถต้องรีบเข้ามาพยุงตัวเอาไว้

"คุณภีม!เป็นอะไรรึเปล่าครับ"

"มะ ไม่ครับ ผมแค่เวียนหัว ไม่ค่อยได้นอนนะครับ งั้นเดี๋ยวผมไปอาบน้ำแต่วตัวก่อน รอแปบนึงนะครับ"

"ครับ"

คนจิตใจบอบช้ำเหมือนถูกกระทืบซ้ำแล้วซ้ำเล่าเดินโซเซมายังห้องนอนอย่างหมดแรง ภีมพยายามนั่งสงบสติที่กำลังกระเจิดกระเจิงก่อนจะตัดสินใจก้าวเท้าเข้าห้องน้ำไปชำระร่างกายและแต่งตัวด้วยชุดที่เสือเลือกมาให้

"เสร็จแล้วครับ"

"คะ ครับๆ เชิญครับคุณภีม"

ร่างขาวผ่องที่สวมทับด้วยสูทสีน้ำตาลด้านในสูทมีเสื้อกั๊กสีเดียวกันที่ใส่ทับเสื้อเชิ้ตสีขาวอีกที พร้อมเนคไทสีดำที่ผูกอยู่ตรงคอทำให้ภีมดูน่ามองจนผิดตาไปจากเดิม คนขับรถเดินนำผู้ที่เจ้านายกำชับนักกำชับหนาว่าต้องพาตัวมางานให้ได้และต้องขับรถให้ระวังที่สุดอย่าให้เกิดอันตรายใดๆขึ้นเด็ดขาด เมื่อรถถูกสตาร์ท คนขับจึงเริ่มมีท่าทีประมาทขึ้นเล็กน้อยเพราะคำสั่งที่เข้มงวดและรัดกุมของเจ้านาย แต่รถก็ขับออกมาได้ราบรื่นไม่มีปัญหาใดๆจนมาถึงเส้นสี่แยกแทบใจกลางเมืองที่รถติดหนักอยู่หลายชั่วโมง

"จะทันไม่เนี่ยรถติดหนักขนาดนี้"

ตื๊ดดดด🎶

เสียงโทรศัพท์ของคนขับรถดังขึ้น ปลายสายโทรถามเสียงเข้มว่าถึงไหนแล้ว เนื่องจากตอนนี้พิธีงานหมั่นได้เริ่มไปเกือบครึ่งชั่วโมง

"ขอโทษจริงๆครับนาย รถติดหนักเลยครับแทบไม่ขยับไม่"

"ไม่เป็นไร ขับรถดีๆไม่ต้องรีบมาก"

"ครับนาย ขอบคุณครับ"

สายจากเจ้านายถูกตัดลง คนขับรถจึงชื้นใจขึ้นมาทันที ใช้เวลาประมาณ 30 นาที รถก็ขับพาคนสำคัญของเจ้านายมาส่งถึงที่ด้วยความปลอดภัย

"เชิญครับคุณภีม"

ประตูรถถูกเปิดออก ภีมมองเข้าไปยังบ้านของเสือที่ถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานหมั้นและงานแต่งซึ่งก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรเป็นเพียงแค่งานขนาดเล็กสำหรับคนในครอบครัว ญาติสนิท และคนรู้จักเท่านั้น เนื่องจากงานถูกจัดขึ้นอย่างกระชั้นชิดจนทำให้ไม่สามารถเตรียมการอะไรได้มาก ภีมมีท่าทีประมาทอย่างเห็นได้ชัด จนเมื่อขาเรียวก้าวเข้ามายังสวนหน้าบ้านซึ่งมีป้ายที่แสดงชื่อของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวคิดไว้เด่นชัด คนที่ยืนมองป้ายเริ่มตัวสั่นสะท้านด้วยความรู้สึกหลายอย่างที่ตีรวนปะปนกันจนมึนงงสับสนแทบแยกไม่ออก

"สิงห์&พิมพ์ งั้นเหรอ!?"

"อ้าว หนูภีม"

หญิงสาวผู้เป็นแม่ของเสือ เดินมาทักเพื่อนของลูกชายซึ่งเธอเองก็รู้จักเป็นอย่างดี

"รีบเข้าไปเร็วลูก ตอนนี้กำลังจัดพิธีเตรียมรดน้ำสังข์อยู่ ปะ ตามแม่มา"

"คะ ครับคุณแม่"

ภีมเดินตามหญิงสูงวัยเข้าไปด้านในด้วยความสับสน ภายในบ้านถูกตกแต่งประดับประดาไว้ราวกับสวนดอกไม้ กลิ่นอายของความรักอบอวลไปตลอดทาง เขาเดินผ่านรูปบ่าวสาว ซุ้มแต่งงานและจนมาถึงที่รดน้ำสังข์ ภีมจ้องมองไปยังชายหญิงผู้ซึ่งเป็นเจ้าของงานแต่งซ้ำแล้วซ้ำเล่าเลยไม่ได้สังเกตว่ามีใครอีกคนมายืนอยู่ด้านหลัง จนเมื่อมีไออุ่นแผ่วเบาเป่ารดมาที่ข้างหู

"งานแต่งเราจัดที่โบสถ์ดีไหม"

"เฮือก…เสือ!?"

คนที่อยู่ในภวังค์ตัวสะดุ้งโหยงรีบเบี่ยงหนี แต่ก็ถูกแขนแกร่งดึงล็อกให้กลับมาประชิดตัว

"มึง…ทำไมถึงเป็นสิงห์ กูไม่เข้าใจ ทำไมมึงไม่บอกอะไรกูเลย"

"หึ…ตามมา"

เสือจับมือนิ่มดึงให้เดินตามมายังห้องทำงานส่วนตัวของเขา

"มึงอยากรู้อะไร"

"ทุกอย่าง กูอย่างรู้ทุกอย่างที่กูยังไม่รู้"

แกร๊ก

ประตูถูกล็อก ก่อนที่เจ้าของห้องจะเดินมานั่งลงบนโซฟาราคาแพงข้างริมหน้าต่าง

"ตอนแรก คนที่จะแต่งงานก็ควรจะเป็นกู แต่มึงกูก็น่าจะรู้ว่ากูไม่ยอมแต่งแน่ๆเพราะใคร… และสิงห์กับพิมพ์สองคนนี้ก็ชอบกันมาก่อนแล้วถ้าจะแต่งงานกันมันก็เป็นเรื่องที่ดีกับทุกฝ่าย ส่วนที่ต้องเลื่อนกำหนดงานแต่งมาเร็วขึ้นก็เพราะแม่ของพิมพ์ป่วยหนัก ท่านเป็นโรคมะเร็งปอดระยะสุดท้าย อาการทรุดลงเมื่อวานก่อนวันที่เราไปกินข้าวกัน หมอได้บอกมาว่าท่านคงจะเหลือเวลาอีกไม่นาน ทุกคนก็เลยลงความเห็นว่าควรจะจัดงานแต่งให้เร็วที่สุดเพราะนี่คือสิ่งสุดท้ายที่แม่ของพิมพ์ท่านต้องการ และสุดท้ายที่กูไม่ได้บอกมึงก็เพราะ…มึงไม่ยอมที่จะฟังกูอธิบาย ไม่ให้โอกาสกูได้พูดอะไร แถมยังประชดกูไปมั่วกับคนนู้นคนนี้ ทั้งไอ้ผู้ชายที่อยู่เชียงใหม่กับไอ้รุ่นน้องที่มึงให้มันหอมแก้ม"

คนที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ ยิ่งช่วงท้ายประโยคที่เสือค่อยๆเน้นย้ำมันอย่างช้าๆด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำคนฟังจึงต้องค่อยๆขยับหนีเพราะเริ่มระแวงความคิดของอีกฝ่ายที่ดูท่าจะไม่ปลอดภัยสำหรับเขา

"กู…กูไม่รู้ว่าเรื่องทั้งหมดมันจะเป็นแบบนี้หนิ มึงเองก็ผิดเหอะที่ไม่บอกกู ปล่อยให้กูร้องไห้ ปล่อยให้กูเสียใจอยู่ได้ตั้งนาน"

"หึ…เพราะมึงรักกูมากไง ถึงได้เป็นแบบนี้"

"มะ ไม่ใช่สักหน่อย มั่วแล้ว"

"งั้นเหรอ…"

"อะไร…มึงจะทำอะไร เดี๋ยว! ปล่อยกูเลย ปล่อยยย"

ภีมรีบวิ่งไปหลบข้างโซฟา แต่ก็ถูกแขนแกร่งตามาดึงล็อกจับไว้จนดิ้นไม่หลุด เสือดันคนตัวเล็กกว่าถอยเซไปจนหลังแนบติดกับขอบหน้าต่างที่เป็นกระจกเลื่อนซึ่งมีผ้าม่านกั้นไว้อีกที

"เสือ…นี่มันงานแต่งน้องมึงนะ มึงอย่าทำอะไรบ้าๆนะ"

"ช่างสิ ไม่ใช่งานเเต่งกู ทำไมกูต้องสนใจ"

"จิ…มึงนี่มัน…"

"ถ้าอยากให้กูปล่อย ก็บอกรักกูก่อน"

"สัด! มึงเพี้ยนไปแล้วรึไง"

"กูนับ 1 ถึง 3…"

"ไอ้บ้า ไอ้หื่นเอ้ย ปล่อยกู"

"1"

"เสือ กูไม่เล่น"

"2"

"โอ้ยย ไอ้เสือ"

"3…"

"รัก กูรักมึง พอใจรึยัง"

"ยัง"

"จิ…อะไรมึงอีก"

"พูดเพราะๆ มึงพูดกับคนที่อายุมากกว่าแบบนี้เหรอภีม"

"มึงนี้มันโลภมากชิบหาย…โอ้ยย! จะกัดทำไมเนี่ย"

คอขาวถูกฟันคมกัดจนขึ้นรอย ก่อนที่ปากหนาจะไล้เลียขึ้นมาถึงติ่งหู

"เสือ…อย่า…"

"พี่รักภีมนะ รักพี่รึเปล่า?"

คำพูดชวนเลี่ยนที่ไม่บ่อยนักจะได้ยินทำเอาใบหน้าขาวร้อนผ่าวจนขึ้นสี สายตาซุกซนแต่จริงจังที่จ้องมองมาทำให้คนถูกจ้องต้องรีบเบือนหน้าหนีหลบซ่อนความเขินอายไปทางอื่น

"รักไหมครับ"

"…อึ อืออ"

"อือ…อะไร?"

เสือยืดตัวขึ้นแล้วจับคางเรียวให้หันมามองหน้าทั้งๆที่อีกคนยังหลับตาปี๋

"ว่าไงครับ"

"ระ รักครับ…ภีมรักพี่เสือ"

คำตอบที่น่าพึงพอใจทำให้คนหน้าดุยิ้มกว้างออกมาอย่างที่ไม่เคยเป็น ใบหน้าที่อยู่ห่างกันเพียงปลายจมูกคั่นค่อยๆขยับเข้าหากันจนขอบปากกำลังจะแตะถึงกันแต่…

ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูของใครสักคนดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน

ฟอด! แก้มขาวจึงถูกหอมให้หายอยากแทนริมฝีปากที่เสือพลาดที่จะได้ชิม

"ใครครับ"

"เออ ท่านประธาน ดิฉันมินตราค่ะ คือพิธีรดน้ำสังข์กำลังจะเริ่มแล้วค่ะ"

"ครับ เดี๋ยวผมออกไป"

เสือถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะจัดระเบียบชุดของตัวเองและอึกฝ่ายให้เข้าที่ เมื่อตรวจเช็คทุกอย่างเรียบร้อยแล้วมือหนาจึงยื่นมาจับมือของอีกฝ่ายพาจูงเดินก้าวออกมาพร้อมกัน

"ท่านประธานคือ…"

เลขาสาวที่ยืนอยู่หน้าประตูชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นคนที่ตามหลังเจ้านายมากำลังจัดดึงเนคไทที่บิดเบี้ยวให้เข้าที่

"มีอะไรรึเปล่าครับ"

"เออ…คือ…ไม่มีอะไรค่ะ เชิญค่ะ"

เมื่อทั้งสองคนเดินจากไป หญิงสาวที่ยังยืนมองทั้งคู่อยู่ที่เดิมจึงมีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ เธอหยิบมือถือขึ้นมาจากกระเป๋าแล้วกดส่งข้อความบางอย่างให้กับคนที่เธอรู้จักดี

วันนี้ทั้งวันงานหมั้นและงานแต่งของสิงห์กับพิมพ์ได้ดำเนินไปอย่างราบรื่น ทุกคนต่างมีสีหน้ายิ้มแย้มและมีความสุขอย่างมาก โดยเฉพาะทางด้านของฝ่ายเจ้าสาวที่ได้ทำความต้องการสุดท้ายของผู้เป็นแม่ของเธอให้สำเร็จสมดั่งปรารถนา

"งานแต่งนะ จะร้องไห้ทำไม"

"ฮึก ก็คนมันดีใจหนิ"

"ดีใจที่ได้แต่งงานกับฉันขนาดนั้นเลย"

"จิ…ไอ้คนหลงตัวเอง นายก็รู้ฉันหมายถึงอะไร"

"หึ…งั้นก็เลิกร้องได้แล้ว เวลาเธอยิ้มสวยมากรู้ไหม"

"อะ อะไร พูดมาก ไปกันได้แล้ว เขาเชิญขึ้นเวทีแล้ว"

หญิงสาวรีบก้าวขึ้นไปบนเวทีด้วยความเคอะเขิน เวลานี้เป็นช่วงที่พิธีกรได้เชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาว พร้อมคนในครอบครัว และคนสนิทขึ้นมาพูดอวยพรและพูดความใจในซึ่งมีต่อกันและกัน ก่อนที่งานแต่งจะเข้าสู่ช่วงสุดท้ายนั่นก็คืองานปาร์ตี้เล็กๆก่อนที่บ่าวสาวจะเข้าห้องหอ

เวลาผ่านไปเกือบเที่ยงคืน ภีมที่แทบจะไม่ค่อยได้นอนตั้งแต่เมื่อวานจึงเริ่มมีอาการสะลึมสะลือตัวโอนเอนไปมาจนเสือต้องคอยประคองร่างเอาไว้ไม่ให้ล้ม

"เดี๋ยวกูพาไปนอน มึงจะไม่ไหวแล้ว"

"…แต่งานยังไม่เลิกเลย"

"ช่างมัน พิธีการมันจบไปแล้ว…ขึ้นไปนอนเถอะ"

คนง่วงนอนพยักหน้าตอบรับอย่างว่าง่ายก่อนจะเดินตามเสือขึ้นไปยังบนห้องนอนของเจ้าของห้อง

"อาบน้ำก่อนภีม"

"ไม่อาบได้ไหมอะ กูง่วงจะไม่ไหวแล้ว"

"ไม่ได้ เดี๋ยวกูไปเอาชุดกับผ้าขนหนูให้"

"งือออ"

เสือเดินออกมาหยิบผ้าขนหนูและชุดในห้องเสื้อผ้า พอกลับเข้าไปในห้องนอนคนตัวขาวก็ดันฟุบสลบคาเตียงไปเสียแล้ว

"หึ…ไอ้คนขี้เซา"

คนตัวสูงส่ายหน้ายิ้มอ่อนอย่างเอ็นดูให้กับคนรัก แล้วเดินเข้าไปจัดแจ้งท่านอนให้คนหลับ นอนได้สบายกว่าเดิม

ตรึง ตรึง ตรึง🎶

เสียงเตือนของข้อความดังขึ้นจากโทรศัพท์ของภีมอยู่หลายครั้ง เสือที่กำลังจะจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าและเช็ดตัวให้อยู่นั้นจึงหันมาสนใจมือถือของอีกคนแทน เขาเปิดข้อความจากใครบางคนที่ไม่ปรากฏรูปโปรไฟล์และชื่อที่ใช้ตัวอิโมจิแทนข้อความ คิ้วหนาขมวดเข้าหากันจนแทบม้วนเป็นปมใบหน้าที่กำลังผ่อนคลายเริ่มกลับมานิ่งขรึม ข้อความและคลิปที่คนปริศนาส่งมาให้ล้วนมีแต่สิ่งที่ปรุงแต่งขึ้นมาเองทั้งหมด ดูก็รู้ว่าฝ่ายนั้นพยายามจะยุแยงให้เขากับภีมมีปัญหากัน เสือนั่งอ่านข้อความจนครบและดูดคลิปจนจบ ใบหน้าหล่อเหลาที่เคร่งขรึมจึงคลี่ยิ้มออกมาอย่างน่ากลัว ก่อนที่จะกดโทรศัพท์ของตนที่วางอยู่ข้างเตียงโทรหาไปยังปลายสาย

"ฮัลโหลค่ะ ท่านประธานมีอะไรรึเปล่าคะ"

"ผมมีเรื่องให้จัดการ คุณกลับรึยัง"

"เอ่อ…ยังค่ะ"

"ดี งั้นเดี๋ยวผมลงไปหา ไปรอผมในห้องทำงาน"

"ค่ะ ท่าน"